คอลัมน์ Great Talk
5 ข้อที่จะทำให้เราเองมีชีวิตอย่างมีความสุขในสถานการณ์โควิท19 คือ
1. การป้องกันตัวเองคือสิ่งที่ดีที่สุดโรคติดต่อนี้ มีการติดเชื้อที่ง่ายมากแต่ไวรัสโควิดนี้ สามารถป้องกันและฆ่าเชื้อได้ไม่ยาก
ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องจากโควิท-เชื้อแพร่ผ่านละอองเสมหะหรือสารคัดหลั่ง -หน้ากากผ้าสามารถลดการปนเปื้อนละออกฝอยจากการไอจามได้และควรซักถึงนำกลับมาใช้ใหม่-ป้องกันได้ด้วยการล้างมือสวมหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลางและไม่นำมือสัมผัสตา จมูก ปากหากจำเป็นให้ล้างมือหรือเช็ดแอลกอฮอลล์ก่อน
โควิทแพ้ แอลกอฮอล์ การฆ่าเชื้อและความสะอาดที่เราต้องปกป้องตัวเอง2. จงเปลี่ยนกรอบความคิดปล่อยปะละเลยที่ทำให้ตนเองและคนใกล้ชิดเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
คุณเป็นผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อหากวิธีคิดคือ ปล่อยปะละเลย คิดว่าสถานการณ์นี้ยังไกลตัว คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราหรือคนใกล้ตัว ไม่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง หากคุณคิดว่าเราไม่มีทางติด นั้นแหล่ะคือความคิดที่คุณเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อแล้ว
3.(จงทำตัวเสมือนแพทย์ผู้วินิจฉัยโรค) อย่ากังวลหากตัวเราจะสอบถามข้อมูลคนใกล้ตัวว่าเดินทางไปที่ไหนบ้างมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างไรบ้างและจงอย่ารำคาญคนที่มาถามข้อมูลต่างๆของเรา พวกเราทุกคนจงทำตัวให้เหมือนแพทย์ที่คอยสอบถามข้อมูลต่างๆที่จะเป็นผลดีต่อการรักษาและช่วยเหลือผู้ใกล้ชิด
โดยเราสามารถสอบถามพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการเดินทางของคนรอบตัวได้แบ่งตามพื้นที่เสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยงดังนี้
เริ่มต้นง่ายๆ ถามคนรอบตัวดูว่าเขาไปพื้นที่ดังกล่าวมาบ้างรึไม่ไปบ่อยแค่ไหน หรือ ณ ปัจจุบันยังไปอยู่ไหม หากไปอยู่มีวิธีป้องกันตัวเองอย่างไรแต่นี้ง่ายมากครับ
ข้อมูลพื้นที่เสี่ยง
พื้นที่สาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถประจำทาง รวมถึงพื้นที่ต่างๆที่หลากหลายผู้คนใช้ร่วมกัน (หากคุณไม่ดูแลตัวเองคุณคือผู้มีภาวะเสี่ยงต่อโรค)
ร้านอาหารที่มีการประกาศผู้ติดเชื้อจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ รวมถึงสถานบันเทิง เพราะง่ายต่อการติดต่อ โดยเฉพาะพวกที่ สูบบุหรี่มวนเดียวกัน กินแก้วเดียวกัน (อาจจากการสลับแก้วหรือคุยกันแล้วสารคัดหลั่งหล่นลงแก้วเพื่อนในโต๊ะ)
สนามมวยที่มีการระบุว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงแล้วเรียบร้อย เหงื่อ ละออง เยอะปริมาณมหาศาล
โรงพยาบาล ที่มีผู้ติดเชื้อสถานที่ออกกำลังกาย เหงื่อ สารคัดหลั่ง จากอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะบ่อน้ำร้อนน้ำเย็นในห้องซาวน์น่า
นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางจากประเทศซุ่มเสี่ยง แบ่งเป็นสองพื้นที่เขตติดโรคอันตราย กรณี COVID-19 ผู้เดินทางจะได้รับการกักตัวในพื้นที่ที่รัฐกำหนดเป็นเวลา 14 วัน ภายหลังเข้ามาในประเทศไทย จีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า) เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน พื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง และควรหลีกเลี่ยงการเดินทาง ผู้เดินทางต้องกักตัวไม่ออกจากบ้านเป็นเวลา 14 วัน ภายหลังเข้ามาในประเทศไทย ไต้หวัน สิงคโปร์ เยอรมนีฝรั่งเศส ญี่ปุ่น
ผู้ที่เดินทางจากประเทศที่เป็นเขตพื้นที่โรคติดต่อ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ มาเก๊า ฮ่องกง อิตาลี และอิหร่าน หากไม่มีใบรับรองแพทย์ ทางรัฐบาลได้มีการงดออกบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) และผมเชื่อว่าอีกไม่นานประเทศโดยรอบของเราทั้งหมดจะถูกใช้มาตรการณ์ระดับนี้เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย โดยเขาอาจปิดการรับคนเข้าและคนออกเพื่อปิดกั้นการป้องการการติดเชื้อ
นี่คือสถานที่ต่างๆที่เราต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษจากตนเองและคนรอบข้างว่าได้ไปใช้บริการหรือเดินทางไปยังพื้นที่ซุ่มเสี่ยงดังกล่าวหรือไม่ หากคนรอบตัวเดินทางไป ควรสอบถามถึงการดูแลป้องกันตัวของเขาอย่างไรเพื่อเป็นการตรวจสอบภาวะซุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเราเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดหากเราระวังตัวเองอย่างดีแล้วนั้นจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
หากคุณได้มีกิจวัตรประจำวันเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวผมมีข้อมูลเพิ่มเติม
เชื้อ ไวรัสโควิด-19 อยู่ในสภาพแวดล้อม ได้นานกี่วัน : เมื่อเร็วๆนี้ทาง นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้อธิบายข้อมูลถึงอายุ ไวรัสโควิด-19 ว่ามีอายุนานเท่าไรและหากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนจะยิ่งทำให้เชื้ออายุยาวนานกว่าปกติ โดยมีรายละเอียดดังนี้
-หากมีเชื้ออยู่บริเวณพื้น โต๊ะ ลูกบิดประตู จะมีอายุ 7-8 ชั่วโมง -หากเชื้อมาในอากาศ ตั้งแต่ น้ำมูก เสมหะ น้ำลาย น้ำตา จะมีอายุ 5 นาที -หากมีเชื้อบริเวณโต๊ะพื้นเรียบ จะมีอายุ 24-48 ชั่วโมง -หากเชื้ออยู่ในน้ำ จะมีอายุ 4 วัน -หากเชื้ออยู่ในตู้เย็นหรือสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส อยู่ได้ 1 เดือน
4.อย่ามัวกังวลจนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาวะจิตตก ฟุ้งซ่าน ซึมเศร้า บอกตัวเองเอาไว้ เราไม่สามารถคิดแก้ไขปัญหาอะไรได้หากตัวเองอยู่ในสภาวะที่จิตใจย่ำแย่ แบ่งปันความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่คนรอบตัวทุกคนเพื่อเป็นพลังให้เราในการใช้ชีวิตในสภาวะแบบนี้
5. ตั้งสติเตรียมป้องกันและรับมือหากตนเองหรือคนที่เราห่วงใยติดเชื้อ หากพบว่าตนเองอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการติดต่อสิ่งที่ควรทำคือ
ป้องกันตนเอง สวมใส่หน้ากากอนามัยพร้อมทั้งบอกคนใกล้ตัวว่าตนเองได้อยู่ในภาวะซุ่มเสี่ยงเพื่อให้คนใกล้ตัวเฝ้าระวัง อย่าอาย อย่าคิดมากกลัวว่าคนรอบตัวจะรังเกียจ โรคนี้ไม่ใช่โรคที่น่าอาย แต่เป็นโรคที่จะทำให้เราเสียเวลาในการเฝ้าระวังแค่นั้นเอง
ในระยะเวลา14 วันหลังจากคิดว่าตนเองอยู่ในสภาวะซุ่มเสี่ยง ระหว่างนี้เมื่อมีอาการป่วย มีไข้ มีเสมหะ หายใจไม่สะดวกให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อทันที
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรทำเพื่อสร้างจิตใจที่เข็มแข็ง คือ ตั้งสติ ป้องกันตัวเอง เลิกเสพข่าวจนทำให้ตัวเองจิตตก เผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้อง
และสุดท้ายทำใจหากมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด
“เราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกันครับ”
เข้าชม : 480
|