ลักษณะของหน้ากาก

ความสามารถในการป้องกันเชื้อไวรัส

แนะนำให้ใส่

ไม่แนะนำให้ใส่

ข้อควรระวัง

หน้ากากผ้า

ต่ำ เพราะวัสดุที่เป็นผ้าไม่สามารถป้องกันความชื้นได้ และยังเสี่ยงต่อการที่เชื้อโรคติดค้างอยู่ในหน้ากากนานกว่าหน้ากากชนิดอื่น

ผู้มีสุขภาพดีปกติ ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ป้องกันฝุ่นละอองขนาดใหญ่กว่า PM 2.5 เช่น สวมใส่ขณะทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น

ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยไข้หวัด (ป้องกันละอองน้ำลายออกจากปากและจมูก กระจายสู่อากาศภายนอกไม่ได้มากนัก) ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล เป็นต้น

ควรซักก่อนใช้ทุกวัน

หน้ากากอนามัย

ปานกลาง เพราะจริงๆ แล้วหน้ากากอนามัยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ละอองน้ำลาย “ออก” จากหน้ากากมากกว่าไม่ให้ละอองน้ำลายเข้าผ่านหน้ากาก “เข้า” สู่ปากและจมูกของเรา แต่ด้วยวัสดุกันความชื้น และชั้นกรองต่างๆ ในหน้ากากอนามัย (ที่ได้มาตรฐาน) ก็ช่วยป้องกันละอองต่างๆ ได้บ้าง แต่ด้วยความที่มันบางและหลวมจึงมีโอกาสที่เชื้อโรคต่างๆ จะเล็ดลอดเข้าไปได้เช่นกัน

ผู้ป่วยโรคไข้หวัดที่มีอาการไอ จาม ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วย

สามารถใส่ได้ทุกคน

ต้องพึงนึกเสมอว่า แค่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ได้ป้องกันไวรัสได้ 100% อย่าสัมผัสหน้ากากตัวเองระหว่างวัน และควรเปลี่ยนทุกวันอย่าใช้ซ้ำ และอย่าซักมาใช้ซ้ำเช่นเดียวกัน

หน้ากาก N95

สูง สามารถป้องกันละอองน้ำลายจากผู้ป่วยได้ รวมถึงเชื้อโรคบางชนิด ละอองฝุ่นที่อนุภาคเล็กถึง PM 2.5 ได้มากถึง 95% (ถ้าสวมถูกวิธี) แต่ไม่สามารถป้องกันจากแก๊ส หรือไอน้ำได้

คนที่ต้องทำงานอยู่ไซต์ก่อสร้าง หรือสถานที่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นตลอดเวลา เช่น โรงงานบางแห่ง

ผู้ป่วยไข้หวัดธรรมดา และคนทั่วไปที่ไม่ได้ทำงานกับฝุ่น หรือไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5

หน้ากาก N95 อาจทำให้หายใจได้ไม่สะดวกมากนัก ไม่ควรใส่ขณะออกกำลังกาย หากไม่ใช่แบบที่ซักได้ก็ไม่ควรนำมาซัก เพราะจะลดประสิทธิภาพในการกรองได้